iphone 8 8 plus ทำทูโทน ใช้ทูโทน ไม่มีทูโทน แก้ให้ได้ - YouTube
60-1. 00 โดยปกติแล้วหน้าจอ iPad 9. 7″ (รุ่นเดียวที่มี True Tone Display ในตอนนี้) ค่าจากโรงงานจะเป็นหน้าจอสว่างอมฟ้านิด ๆ เวลาใช้งานปกติจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากไปใช้กับไฟส้มมันจะแยงตาทันที ซึ่งการมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิแสง (อมส้ม, ขาว, อมฟ้า) หน้าจอจะปรับแสงให้เหมือนกับสภาพห้องโดยอัตโนมัติ ทำให้ใช้งานได้สบายตามากยิ่งขึ้น ที่มา – apple หากตรงไหนแปลหรือเขียนผิดสามารถชี้แนะได้ครับ ติดต่อ-สอบถาม-พูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้ที่ Twitter: @yugioh2500
เปิด Low Power Mode Low Power Mode เป็นโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ ด้วยการปิดฟีเจอร์และออปชันที่ไม่จำเป็นต่อการใช้งาน ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นนั่นเอง โดยสามารถเปิดใช้งาน Low Power Mode ได้ที่ Settings > Battery > Low Power Mode ซึ่งการเปิดโหมดนี้ จะเป็นการปิดใช้งาน Background App Refresh อีกด้วย 9. เปิด Reduce Motion การเปิด Reduce Motion จะเป็นการช่วยลดเอฟเฟกต์ความเคลื่อนไหวของภาพต่าง ๆ บนหน้าจอ โดยบน iPhone มีลูกเล่นการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ แต่ลูกเล่นเหล่านี้ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ซึ่งการเปิด Reduce Motion จะลดความนุ่มนวล และลูกเล่นต่าง ๆ ของการเปิด-ปิดแอปฯ รวมถึงการเลื่อนหน้าจอ แต่ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มาก ฉะนั้น ถ้าหากผู้ใช้คิดว่าลูกเล่นเหล่านี้ไม่จำเป็น แนะนำว่าให้เปิดใช้งานโหมดดังกล่าว ด้วยการเข้าไปที่ Settings > General > Accessibility > เปิด Reduce Motion (เปลี่ยนเป็นสีเขียว) 10. ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม ควรปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ควรเปิดหน้าจอสว่างจนสุด เพราะนอกจากจะสูบแบตเตอรี่โดยใช่เหตุแล้ว ยังทำลายสายตาอีกด้วย โดยสามารถปรับความสว่างของหน้าได้ที่หน้า Settings หรือบน Control Center
กระทู้คำถาม อัพ ios 11 เป็น 12. 1 แล้วโหมด true tone หายไป แอบเศร้านิดๆ55555 อัพเป็น ios 12. 1. 2 ล่าสุด ยังไม่กลับมาอีก😂😂 มีใครเป็นเหมือนกันบ้างครับ อยากรู้มีเพื่อนไหม😂😂 แก้ไขข้อความเมื่อ 0 แสดงความคิดเห็น
4 x 78. 1 x 7. 5 มม. หนัก 202 กรัม หน้าจอ 5. 5 นิ้ว IPS LCD True Tone Displayความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซีพียู Apple A11 Bionic แบบ 6 แกน 64-bit ระบบ Neural Engine หน่วยประมวลผลร่วมสำหรับประมวลผลด้านการเคลื่อนไหว Apple M11 หน่วยความจำภายในตัวมีให้เลือก 2 เครื่องขนาด คือ 64 และ 256 กิ๊ก กล้องหลังคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีเลนส์มุมกว้าง f/1. 8 และ เลนส์ Telephoto f/2. 8 ระบบกันสั่น OIS, แฟลช LED 4 เม็ดเล็กระบบ True Tone Flash ซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.
11ac พร้อม MIMO เทคโนโลยีไร้สาย Bluetooth 5. เป็นการยากที่จะอธิบายด้วยคำพูด แต่เมื่อคุณใช้อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน True Tone แล้วคุณจะไม่ต้องการย้อนกลับ. คุณควรใช้โทนเสียงจริง? เท่าที่เราคิดว่า True Tone เป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมของอุปกรณ์ที่รองรับมันมีข้อเสีย หากคุณเป็นมืออาชีพที่ทำงานกับรูปภาพและรูปถ่ายคุณอาจต้องการปิดใช้งาน True Tone เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเห็นงานของคุณในสถานะที่ไม่มีการเปิดเผย เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สีกับภาพถ่ายถ้า MacBook Pro หรือ iPad Pro ของคุณเปลี่ยนสีที่ดูบนอุปกรณ์ที่คุณใช้ โชคดีที่การปิดใช้งานและเปิดใช้งาน True Tone นั้นเพียงแค่สะบัดสวิตช์อย่างง่าย. วิธีเปิดใช้งานและปิดใช้งาน True Tone บน iPhone หรือ iPad Pro ในการเริ่มต้นให้เปิดแอปการตั้งค่าและเลือก "แสดงและความสว่าง" หากต้องการเปิดใช้งานหรือปิดใช้งาน True Tone ให้ปัดสวิตช์ที่เกี่ยวข้องไปที่ตำแหน่งเปิดหรือปิด. วิธีเปิดใช้งานและปิดใช้งาน True Tone บน MacBook Pro ในการเริ่มต้นให้คลิกโลโก้ Apple ในแถบเมนูและเลือก" การตั้งค่าระบบ" ถัดไปคลิกบานหน้าต่างการตั้งค่า "แสดง". สุดท้ายให้คลิกแท็บ "แสดงผล" หากยังไม่ปรากฏให้ทำเครื่องหมายหรือทำเครื่องหมายที่ช่องทำเครื่องหมาย "เสียงจริง" เพื่อเปิดหรือปิดใช้งานคุณสมบัติ.
3 มม. เพื่อใช้หูฟังปกติอื่น ๆ คู่มือฉบับย่อ สติ๊กเกอร์ Apple 2 ดวง _________________________________________ หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ You may also like About the author บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก twitter: @xenon_art Instagram: xenon_art
ปิดใช้งานฟีเจอร์ Raise to Wake ฟีเจอร์ Raise to Wake เปิดตัวครั้งแรกบน iOS 10 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้หน้าจอแสดงผลสว่างอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้หยิบ iPhone ขึ้นมา แต่ก็สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่เช่นกัน โดยผู้ใช้ที่คิดว่า ฟีเจอร์ดังกล่าวไม่จำเป็นต่อการใช้งานมากนัก สามารถปิดใช้งานได้ที่ Settings > Display & Brightness > ปิดใช้งาน Raise to Wake 3.
ตั้งค่าความถี่ในการเรียกดูอีเมล (Fetch Email) ถึงแม้ว่าการตั้งค่าให้อีเมลทำการรีเฟรชตลอดเวลา จะทำให้สามารถอัปเดตอีเมลและข่าวสารใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้นแบบ Real-Time แต่การตั้งค่าแบบนี้ทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ เนื่องจาก iPhone มีการเรียกดูข้อมูลตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าความถี่ในการอัปเดตข้อมูลอีเมลเองได้ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Accounts & Passwords > Fetch New Data > ปิด Push แล้วเลือกความถี่ (Fetch) ที่ต้องการ เช่น Manually หรือให้ fetch ข้อมูลทุก ๆ ชั่วโมง หรือทุก ๆ 30 นาที เป็นต้น 6. ปิดใช้งานฟีเจอร์ Backgroud App Refresh Background App Refresh คือการทำงานแบบเบื้องหลังแม้ว่าในตอนนั้นจะไม่ได้เปิดใช้งานแอปฯ นั้นอยู่ ซึ่งฟีเจอร์นี้ใช้พลังงานแบตเตอรี่ค่อนข้างสิ้นเปลือง แนะนำว่าให้เปิดใช้งานเฉพาะแอปฯ ที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้เข้าไปตั้งค่าที่ Settings > General > Background App Refresh แล้วเลือกปิดเฉพาะแอปฯ ที่ไม่ต้องการให้ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว 7. ปิดโหมด Hey Siri การเปิดใช้งานโหมด Hey Siri หรือสวัสดี Siri ทำให้ระบบต้องประมวลผลอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากต้องคอยฟังเสียงสั่งการและตอบสนองการทำงานนั่นเอง ซึ่งถ้าหากไม่จำเป็นต้องใช้โหมด Hey Siri แนะนำให้ปิดใช้งานเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่จะดีกว่า ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Siri & Search > ปิด Hey Siri 8.
ลองถามตัวเองดูครับว่า คุณสมบัติข้างต้นตอบโจทย์สมาร์ทโฟนที่คุณต้องการแล้วหรือยัง? Photo: Courtesy of Apple